สล็อตออนไลน์ 23 กันยายน 2564 ที่ กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่านายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) และนายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ส่งมอบรถยนต์พยาบาล จำนวน 2 คัน ให้กับกระทรวงสาธารณสุข รับมอบโดย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวง
นายอนุทิน กล่าวว่า ส่วนตัวต้องการช่วยเหลือชาวสาธารณสุข
และประชาชนคนไทย จึงได้ชักชวนท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ในการช่วยเหลืองานกระทรวงฯ ที่ผ่านมา ได้ร่วมงานกันด้วยความเข้าใจ อยากให้มีบางอย่างที่บ่งบอกว่าเราทำงานร่วมกันได้ด้วยดี ให้มีชื่อเราในอุปกรณ์ที่ต้องการจะมอบให้กระทรวงฯ สนับสนุนงานสาธารณสุข เพื่อให้เป็นความรู้สึกที่ดีระหว่างรัฐมนตรีว่าการฯ และรัฐมนตรีช่วยฯ
“ครั้งหนึ่งกระทรวงฯ นี้เคยมี 2 รัฐมนตรีนี้ อยู่ทำงานร่วมกันต่อสู้กับโรคระบาดครั้งใหญ่ที่สุดในประเทศ หวังว่าท่านรองปลัดฯ จะนำไปใช้ประโยชน์สูงสุดที่จะทำได้ เพื่อช่วยเหลือประชาชนในเหตุจำเป็น ซึ่งตนมีความต้องการให้มีรูปท่านรัฐมนตรีช่วยฯ อยู่บนรถนี้ร่วมกันอยู่แล้ว และขอให้ทุกคนในกระทรวงฯ ได้รับอานิสงค์ร่วมกันในการทำประโยชน์เพื่อประชาชนครั้งนี้ และเนื่องในวันมหิดล 24 ก.ย. ก็เป็นเรื่องที่ดี ที่เราได้ทำสิ่งดีถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระราชบิดา เป็นความปลื้มปิติและความภาคภูมิใจของเรา”
ด้านนายสาธิต กล่าวว่า โครงการนี้เกิดจากน้ำใจของท่านรองนายกฯ ซึ่งในช่วงที่โควิด -19 ระบาด มีความต้องการรถรับส่งผู้ป่วย นี่เป็นสาเหตุว่าทำไม เราต้องสนับสนุนรถพยาบาล เพราะมันมีความจำเป็น และต้องใช้งาน ตนได้ปรึกษากับผู้ผลิต ก็ยืนยันว่าพร้อมผลิตให้ในราคาคันละ 1.2 ล้านบาท ก็เห็นความสมเหตุ สมผล จึงร่วมกันบริจาครถ 2 คัน มูลค่า 2.4 ล้านบาท
“ผมขอให้เอารูปท่านคนเดียวได้มั้ย แต่ท่านบอกว่าต้องใช้คำว่าร่วมด้วย ต้องมีสติ๊กเกอร์รูปรัฐมนตรีช่วยฯ ด้วย ต้องขอขอบคุณท่านรองนายกฯ ที่กรุณาให้ผมไปอยู่ในสติ๊กเกอร์เท่ากับท่าน และขอให้รถทั้ง 2 คันนี้ร่วมทำบุญวันเกิดของท่าน ผมขอให้ท่านเป็นที่พึ่งของคนไทยทั้งประเทศต่อไป” นายสาธิต กล่าว
ด้าน นพ.เกียรติภูมิ กล่าวว่า ในนามของกระทรวงสาธารณสุข มีความยินดีที่ได้รับการบริจาครถ 2 คันซึ่งจะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย ขอให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรงปลอดภัย
รองโฆษกแจง ยังไม่ชัวร์ แอคโป๊ Onlyfans แต่งชุดตำรวจ แค่คอสเพลย์หรือตำรวจจริง
พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรียนชี้แจงถึงกรณีที่มีการตรวจพบบัญชีผู้ใช้ Onlyfans ในลักษณะลามกอนาจาร โดยมีการแต่งเครื่องแบบคล้ายเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐ
จากกรณีดังกล่าว พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ให้ความสำคัญกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี รวมถึงให้ความสำคัญในประเด็นดังกล่าวและได้สั่งการให้ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี(บช.สอท) เร่งพิสูจน์ทราบ โดย พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ได้สั่งการไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องให้เร่งทำการพิสูจน์ทราบตัวผู้ใช้บัญชี ที่กระทำลักษณะดังกล่าว ว่าเครื่องแบบที่ผู้ใช้บัญชีดังกล่าวใช้นั้น เป็นเครื่องแบบของตำรวจหรือไม่ หรือเป็นชุด Cosplay ที่ผู้ใช้บัญชีใช้แต่งเพื่อดึงดูดยอดผู้เข้าชม โดยในขณะนี้ได้ทราบบัญชีที่มีการกระทำลักษณะดังกล่าวแล้ว แต่ยังคงอยู่ระหว่างการพิสูจน์ทราบตัวผู้ใช้บัญชี ว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่ หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะมีการดำเนินการทางวินัยและทางอาญา หากไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะดำเนินการทางอาญาและส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป
โดยการโพสต์ภาพหรือคลิปวิดิโอในลักษณะลามกอานาจาร ก็จะเข้าข่ายความผิดฐานนำเข้า ผลิต เผยแพร่สื่อลามกอนาจารฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา และความผิดฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกฯ ตาม พ.ร.บ.การกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 ในส่วนการแต่งกายในเครื่องแบบนั้น หากพบว่าเป็นเครื่องแบบตำรวจ ก็เป็นความผิดฐานแต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิ์ ตามประมวลกฎหมายอาญาและ พ.ร.บ.ตำรวจ พ.ศ.2547 หรือกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งต้องพิจารณาจากพฤติการณ์และพยานหลักฐานที่ปรากฎต่อไป
นอกจากนี้รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอฝากเตือนผู้ที่เป็นเจ้าของกลุ่มหรือช่อง Onlyfans ต่างๆ ว่าอย่าคำนึงถึงแต่เพียงการได้รับค่าสมาชิกเท่านั้น เพราะภาพหรือคลิปวิดิโอที่ท่านได้โพสต์ไป อาจจะมีผู้ไม่หวังดีนำมาใช้ล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวของท่าน หรืออาจย้อนกลับมาทำร้ายท่านในภายหลังได้ และตัวท่านเองอาจถูกดำเนินคดีจากพฤติกรรมดังกล่าวได้เช่นกัน
อนึ่ง เนื่องจากเป็นกรณีที่มีความจำเป็นเร่งด่วนหากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดผลเสียหายอย่างร้ายแรงแก่สาธารณชนหรือกระทบต่อประโยชน์สาธารณะจึงไม่อาจให้คู่กรณีใช้สิทธิโต้แย้งตามมาตรา 30 วรรคสอง (1) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539
หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งฉบับนี้ อาจเป็นความผิดตามมาตรา 51 ต้องระวางโทษปรับ ไม่เกินสองหมื่นบาท หรือมาตรา 52 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับแห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 และอาจได้รับโทษตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สล็อตออนไลน์